สถานที่ภายในวัด
ขอเชิญกราบขอพร อัฐิธาตุหลวงปู่ย้อย(พระครูวิชัยสาธุกิจ)
” เทพเจ้าวาจาสิทธิ์ แห่งแม่น้ำท่าจีน
เจ้าตำรับ ตำราแมงมุมขยุ่มทรัพย์
ศิษย์หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า “
– กราบหุ่นรูปเหมือนไฟเบอร์ฯ หลวงปู่ย้อย
– ชมกุฎิสภาพแบบเดิมๆสมัยตอนหลวงปู่ย้อยยังมีชีวิตอยู่
– ชมวัตถุมงคลหลวงปู่ย้อย
ณ วัดทรงเสวย จ.ชัยนาท
————————
อัฐิธาตุหลวงปู่ย้อย(พระครูวิชัยสาธุกิจ)
และ
หุ่นรูปเหมือนไฟเบอร์ฯ หลวงปู่ย้อย
ชมกุฎิสภาพแบบเดิมๆสมัยตอนหลวงปู่ย้อยยังมีชีวิตอยู่
แมงมุมขยุ้มทรัพย์ หลวงปู่ย้อย วัดทรงเสวย
ความเป็นมา
เป็นที่ทราบกันดีว่าวิชาสำคัญถือเป็นสุดยอด
และแน่นอนสร้างชื่อเสียงให้หลวงปู่ย้อย
คือ ” วิชาแมงมุมขยุ้มทรัพย์ ” ที่ท่านได้รับถ่ายทอดมาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
โดยตรงหลวงปู่ศุขได้สอนวิชา ” แมงมุมขยุ้มทรัพย์” โดยมีเคล็ดวิชาว่า
” แมงมุมเป็นสัตว์วิเศษ
ไม่ต้องออกไปหากินมีเหยื่อหรืออาหารเข้ามาถึงรังเข้ามาถึงปาก
เพียงชักใยดักเหยื่อไว้เท่านี้ก็ไม่อดมีกินอิ่มตลอดการ”
การเปิดร้านทำกิจการก็เช่นเดียวกันถ้าได้วิชาแมงมุมขยุ้มทรัพย์ไป
ก็เหมือนเปิดร้านกิจการค้าขายขยุ้มเหยื่อ ขยุ้มทรัพย์ ขยุ้มลูกค้า ขยุ้มโชคดักลาภ
ขยุ้มเงินดักทอง ให้เข้ามาติดกับง่ายดาย เห็นผลเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและแน่นอน
หลวงปู่ย้อยได้เรียนรู้วิชาแมงมุมขยุ้มทรัพย์และได้สร้างแมงมุมขยุ้มทรัพย์
ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ใช้ต่างเห็นผลมีประสบการณ์มากมายสุดจะพรรณนา
อาทิ กิจการค้าขายลูกค้าเข้ามากค้าขายดี กิจการเติบโตก้าวหน้าเจริญขึ้น มีโชคมีลาภ
ได้เงินได้ทอง ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งก็มาก
ใครได้แมงมุมของหลวงปู่ย้อยไปต่างมีประสบการณ์ดีขึ้นแทบทั้งนั้นจนเรียกได้ว่า
วิชาขยุ้มทรัพย์โชคลาภค้าขายไม่มีอะไรเกินแมงมุมของหลวงปู่ย้อยไปได้
สรุปรวมความว่าแมงมุมขยุ้มทรัพย์ของหลวงปู่ย้อยเพียบพร้อมไป ด้วยอานุภาพครอบคลุม ทุกทางกล่าวคือ
1. เรียกทรัพย์
2. ขยุ้มทรัพย์
3. ป้องกันอันตราย
4. เป็นแก้วสารพัดนึก
5. วิชาแมงมุมตำรับหลวงปู่ศุขอยู่ไหนก็อิ่มไม่อดอยาก
6. ค้าขายดีลูกค้าเข้ามาก
นอกจากนี้ทางวัดยังมีวัตถุมงคลหลวงปู่ย้อย วัดทรงเสวย
ทุกรุ่นที่จัดสร้างขึ้นมาใหม่มีไว้ให้บูชาที่วัดทรงเสวย
โดยมีเกจิอาจารย์ที่เป็นสายเดียวกับหลวงปู่ย้อย อธิษฐานจิต เพื่อความเป็นสิริมงคล
ขอโชคลาภเจ้าแม่ตะเคียนคู่วัดทรงเสวย ศักดิ์สิทธิ์จริง
ขอโชคลาภเจ้าแม่ตะเคียนคู่วัดทรงเสวย ศักดิ์สิทธิ์จริงที่วัดทรงเสวย ต.หนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท
เป็นวัดที่รู้จักกันดีว่า เมื่อครั้งหนึ่งรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสต้นที่วัดทรงเสวย
แต่เดิมเป็นวัดร่าง สมัยอยุธยา มีชื่อเดิมว่าวัดเกสร ก่อตั้งขึ้นโดยพระอธิการคล้อย ธมฺมนิยํ และชาวบ้านหนองแค
ภายหลังพระอธิการคล้อย ธมฺมนิยํ ท่านได้ตั้งชื่อวัดว่า วัดราษฎร์เจริญธรรม แต่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าวัดหนองแค ตามชื่อหมู่บ้านมากกว่า
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๑ (ร.ศ. ๑๒๗)พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕
เสด็จพระราชดำเนิน ตรวจสอบลำน้ำเก่า โดยทางรถไฟถึง จ.นครสวรรค์
ต่อจากนั้นในวันรุ่งขึ้น เสด็จ ฯ ตามลำน้ำมะขามเฒ่าผ่านตลาดวัดสิงห์ ลำน้ำมะขามเฒ่า
สมัยนั้นเต็มไปด้วยผักตบชวา และตอไม้ ประชาชนจึงได้ช่วยกัน ตัดตอไม้ และเก็บผักตบชวา
พระองค์ประทับแรมที่ ณ บ้านหนองแค ซึ่งสมัยนั้นขึ้นกับ ตำบลคลองจันทร์ อำเภอเดิมบาง เมืองไชยนาท
(ปีพุทธศักราช๒๔๕๒ ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นตำบลวัดสิงห์ อำเภอวัดสิงห์ เมืองไชยนาท)
ในครั้งนั้น พระอธิการคล้อยเป็นเจ้าอาวาส ได้ชักชวนราษฎร์ สร้างพลับพลารับเสด็จ
พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ เสวยยอดหวายโปง ตาแป้น มรรคนายกวัดหนองแค
(ภายหลังทรงตั้งให้ตาแป้น ดำรงตำแหน่งหมื่นสมาน ขุนมาส) จึงได้ให้ชาวบ้านไปหายอดหวายโปงมาเผาไฟ
หยวกกล้วยต้ม น้ำพริกปลามัจฉะมาถวาย พระองค์ทรงเสวยอย่างเจริญพระกระยาหาร และตรัสกับชาวบ้านว่า
ต่อไปนี้ให้เรียกวัดนี้ว่า วัดเสวย แต่ชาวบ้านได้ขอพระราชทาน ขอเติมคำว่า “ทรง” ไปด้วย พระองค์ทรงพระอนุญาต
ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่า “วัดทรงเสวย” จนทุกวันนี้
และเมื่อปีพ.ศ.๒๔๕๒ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช (พระโอรสองค์ที่ ๗๕)
ประชวรด้วยโรคไส้ตัน สิ้นพระชนม์ด้วยวัยเพียง ๑๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ ทรงมีรับสั่งให้
บูรณะวัดทรงเสวย ถวายเป็นพระราชกุลแด่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช
และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ ได้ถวายของที่ระลึก แด่พระอธิการคล้อย เป็นของที่ระลึกงาน
พระศพของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช ของที่ถวาย ได้แก่ บาตร ฝาบาตรมีตราสีทองรูปวงรี
มีข้อความว่า ร.ศ. ๑๒๘ งานพระศพพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช ปิ่นโตขนาดใหญ่ที่ฝาปิ่นโต
มีข้อความเช่นเดียวกับฝาบาตร พระขรรค์ ตาลปัตรใบลาน ตะเกียงลานเรือสำปั้น ป้านน้ำชา ๑ ชุด
ปัจจุบันทางวัดยังเก็บรักษาไว้อย่างดีภายในพิพิธภัณฑ์วัดทรงเสวย
ด้านข้างพิพิธภัณฑ์นั้นมีหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นก็คือ ต้นตะเคียนขนาดใหญ่มาก ยืนต้น
เป็นต้นตะเคียนคู่วัดเลยก็ว่าได้ จากการเล่าขานของชาวบ้านคนเฒ่าคนแก่ภายในหมู่บ้านวัดทรงเสวยกันว่า
ในสมัยนั้นภายในวัดทรงเสวย เต็มไปด้วยป่า กลางค่ำกลางคืนก็มืดหน้ากลัวมาก
จึงไม่มีใครกล้าผ่านเข้าที่วัดทรงเสวยในเวลากลางค่ำกลางคืน แต่ก็เป็นที่หน้าแปลกพอถึงช่วงหวยใกล้จะออก
ก็จะมีชาวบ้านทั่วทุกทิศมาขอโชคลาภที่วัดทรงเสวย โดยจะนำแป้งมาทาที่โคลนต้นเพื่อหาเลข
แล้วก็ไปซื้อตามที่ได้มา สำหรับความศักดิ์สิทธิ์ที่จะพูดต่อไปนี้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพราะเป็นความเชื่อของชาวบ้านมาตั้งแต่มีเรื่องเล่าในวัดทรงเสวยขึ้นมา
สมัยแรกๆนั้นยังเป็นต้นตะเคียนธรรมดาไม่ใหญ่โตอะไร
พอเวลาผ่านในสมัยของหลวงปู่ย้อย(ศิษย์ของหลวงปู่ศุข)ชาวบ้านจะขนาดนามท่านว่าเทพเจ้าแห่งวาจาสิทธิ์
เริ่มมีการพูดถึงว่ามีคนเห็นผู้หญิงรูปร่างสวยงามแต่งชุดไทยสวยงาม อยู่บริเวณต้นตะเคียนแห่งนั้น
เริ่มมีการไปเข้าฝันให้โชคคนในหมู่บ้าน หลายครั้งหลายหน บางครั้งที่วัดมีโจรฉุกชุมบางก็เห็นผู้รูปร่างใหญ่โต
ในบริเวณวัดให้เห็นบ้าง ก็โดนกันไปหลายรายเลยทีเดียว เรื่องความให้โชคลาภก็มีผู้คนมาแก้บนเป็นชุดไทย
(ชุดไทยในสมัยนั้นพุพังไปตามกาลและเวลา)พอเวลาผ่านไปความเจริญก้าวเข้ามาก็มีบ้านเรื่อนปลูกอยู่บริเวณนั้น
แต่ก็เป็นที่หน้าแปลก…ก็อยู่กันไม่ได้นานจึงต้องปล่อยให้บ้านนั้นรกล้างไปตามกาลเวลา
ในเวลาต่อมาก็มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ในบริเวณนั้นเพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงของที่รัชกาลที่๕
พระราชทานให้กับวัดทรงเสวย และด้วยความที่ต้นตะเคียนมีขนาดใหญ่ขึ้นมาตามกาลเวลา
ชาวบ้านและมรรคทายกจึงคุยกันว่าจะต้องโคลนต้นตะเคียนเพราะกลัวกิ่งไม้จะหักลงมา
แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของแม่ตะเคียน…ก็ไปเข้าฝันคนในหมู่บ้าน จากการเล่าขานมา
มีผู้หญิงแต่งตัวสวยงาม ผมยาวถึงเอว มาเข้าฝัน พอรุ่งเช้าชาวบ้านก็มาปรึกษาหลวงพ่อที่วัด
หลวงพ่อย้อยในสมัยนั้นเป็นเจ้าอาวาสและท่านยังเป็นศิษธิ์ของหลวงปู่ศุข
ท่านก็นั่งหลับตาไปสักพักใหญ่ แล้วท่านก็ลืมตาขึ้น แล้วก็บอกว่าไม่ต้องตัดหลอก
ที่ตรงนั้นมีรุกขเทวดาประจำอยู่(หลวงพ่อพูด) หลังจากนั้นมาต้นตะเคียน
ก็มีแต่ให้โชคให้ลาภกับผู้ที่ผ่านไปขอโดยตลอด
ปัจจุบันนี้ก็ยังมีนักเสี่ยงโชคไปขอเลขเด็ดกันเป็นประจำ
จากการสอบถามร้านค้าใกล้เคียงก็บอกว่าถูกหวยบ่อยครั้ง มากบ้างน้อยบ้างไม่เท่ากัน
รวมไปถึงพนักงานที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ก็ฝันเห็นเลขกันบ่อยครั้ง
นี้เป็นเพียงเรื่องเล่าบ้างส่วนที่เก็บมาเล่า ถ้าท่านอยากสัมผัสก็ต้องมาด้วยตัวท่านเอง
ที่วัดทรงเสวย ต.หนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท และที่สำคัญเมื่อท่านได้ในสิ่งที่ท่านปรารถนาแล้ว
อย่าลืมมาแก้บน ด้วยการถวายสังฆทานภายในโบสถ์วัดทรงเสวย
อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดทรงเสวย เพื่อเป็นการอุทิศผลบุญกุศลให้กับเจ้าแม่ตะเคียน
และจะส่งเสริมบุญบารมีให้ตัวท่านเองอีกด้วย…